หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ มนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต (Human Being) ออกไปพบปะกับมนุษย์คนอื่นๆ ใจก็จะเริ่มว้าวุ่นและความคิดก็จะเริ่มไม่นิ่ง เพราะพลังงานของเราเปลี่ยนไปจากการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ จนเกิดการแลกเปลี่ยนพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เรารับมาหรืออีกฝ่ายรับจากเราไป รวมถึงการที่เราเจอสิ่งสกปรกในสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นมนุษย์จึงมีความจำเป็นที่ต้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย หินก็เช่นกัน การที่หินอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่สะอาดหินก็จะสกปรก เช่น หินที่อยู่กับ Being อื่นๆ อย่างมนุษย์ผู้อารมณ์ไม่ดี จิตใจว้าวุ่น หรือคิดมาก หินก็จะรับพลังงานมาเช่นกัน
จึงสรุปได้ว่าเมื่อหินอยู่กับเรา แล้วเราไม่ทำความสะอาดหิน พลังงานของหินจะไม่เหมือนเดิมและเปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องทำความสะอาดพลังงานของหิน การทำความสะอาดนั้นมีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับชนิดของหิน การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงเป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ สามารถเลือกใช้วิธีได้ดังนี้
1.การล้างน้ำ
โดยเปิดน้ำก๊อกให้ไหลผ่านโดยไม่แช่น้ำ มองไปที่หินแล้วบอกว่า “เคลียร์ (Clear)” ถ้าเป็นหินที่มีปลายแหลม ให้เอาด้านเหลี่ยมที่เกิดจากธรรมชาติคว่ำลง
นอกจากน้ำก๊อกแล้วสามารถใช้น้ำฝนได้ โดยนำหินไปวางไว้ให้ฝนไหลผ่านหรือจะนำหินใส่ชามไว้ก็ได้ แต่วิธีนี้ไม่ควรใช้กับหินที่มีความแข็งไม่มากพอเพราะถ้าหินจมอยู่ในน้ำฝนนานเกินไป หินจะแตก
2.การรมควันเสจ (Sage)
เสจสามารถทำความสะอาดพลังงานลบได้ดีมาก โดยจุดควันเสจแล้วเอาหินมารมควันให้ทั่ว หินทุกก้อนสามารถรมเสจได้หมด ดังนั้นหินชนิดใดที่ไม่เหมาะจะทำความสะอาดด้วยการล้างน้ำ สามารถใช้วิธีนี้แทนได้ (อ่านรายละเอียดในหัวข้อ “การดูแลหิน”)
เสจยังสามารถใช้รมตัวเองเวลาที่รู้สึกเพลียเหมือนจะไม่สบายหรือจะรมภายในบ้านก็ได้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี
3.การวางหินบนเกลือ
ควรวางไว้ 2 ถึง 3 ชั่วโมง แต่ถ้าหินถูกใช้งานอย่างหนัก สามารถวางทิ้งไว้เป็นวันแล้วค่อยนำไปชาร์จพลังก็ได้ โดยวิธีนี้เป็นวิธีเคลียร์พลังงานที่รุนแรงที่สุด
4.การวางหินบนดิน
เพราะหินเป็นส่วนหนึ่งของโลก วิธีนี้จึงเหมือนเป็นการพาหินกลับไปให้โลกช่วยดูแลให้ โดยเฉพาะหิน Smoky Quartz, Black Tourmaline, Shungite และตระกูล Obsidian จะเหมาะกับการวางบนดินมาก สามารถวางได้ทั้งบนดินในสนามหญ้าหรือดินในกระถางต้นไม้
การดูแลหิน
การดูแลหินที่ดี นอกจากจะต้องใส่ใจภายในอย่างการทำความสะอาดพลังงานแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของหินก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หินและน้ำอาจจะดูเป็นของคู่กันเพราะต่างฝ่ายต่างก็เกิดจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่หินทุกประเภทที่จะถูกกับน้ำเสมอไป บางชนิดอาจเกิดความเสียหายเมื่อโดนน้ำ หินจึงถูกแบ่งหลักๆ ออกเป็น 2 แบบ คือสามารถโดนน้ำได้และโดนน้ำไม่ได้
หินที่สามารถโดนน้ำได้
1. หินที่มีค่าความแข็ง (The Mohs) ตั้งแต่ 7 ขึ้นไป
2. หินที่มีผิวเรียบขัดมัน
3. หินที่มาจากภูเขาไฟหรืออุกกาบาต
4. หิน Agate, Fluorite, Quartz, Jasper และ Chalcedony ทุกชนิด
**ข้อควรระวัง หินบางชนิดตั้งชื่อว่า Jasper แต่ไม่ใช่ Jasper
หินที่ไม่สามารถโดนน้ำได้
1. หินที่มีค่าความแข็ง (The Mohs) น้อยกว่า 7
2. หินที่มีผิวขรุขระหรือเป็นผลึกเกาะกัน
3. หินที่มีกำมะถัน เพราะกำมะถันละลายสามารถในน้ำ
4. หินที่มีธาตุเหล็กหรือหินอุกกาบาต Meteorite เพราะมีเหล็ก สามารถเป็นสนิมได้
5. หิน Selenite นอกจากโดนน้ำไม่ได้แล้ว ยังโดนความชื้นรวมถึงเกลือไม่ได้ด้วย
6. หินที่มีแร่เกาะอยู่ตามพื้นผิว
นอกจากน้ำแล้ว เกลือก็ต้องระวังด้วยเช่นกัน บางชนิดโดนความชื้นจากเกลือไม่ได้
บางชนิดแม้จะสามารถโดนเกลือได้ แต่หากเป็นหินที่พันลวดไว้ก็มีโอกาสที่จะเกิดสนิม
การชาร์จพลังงานของหิน
อย่างที่ได้อธิบายไว้ข้างต่นว่า หินเป็น Being เหมือนกับมนุษย์ มนุษย์ยังต้องกินข้าว หินก็เช่นกัน เราสามารถชาร์จพลังงานให้หินได้ด้วยแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ โดยความถี่ในการชาร์จจะขึ้นอยู่กับการใช้งานหินของเราว่าหนักและบ่อยแค่ไหน
การชาร์จด้วยแสงจันทร์จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในวันพระจันทร์เต็มดวง (Full Moon) ถึงอย่างไรก็ตาม วันจันทรุปราคา (Lunar Eclipse) ห้ามนำหินมาชาร์จ นอกจากนี้ยังสามารถนำหินมาชาร์จสามวันก่อนและหลังวันพระจันทร์เต็มดวงได้ด้วยเช่นกันหากฟ้ายังไม่ปิด
การชาร์จด้วยแสงอาทิตย์จะดีที่สุดในช่วง 8 ถึง 10 โมงเช้า ควรชาร์จประมาณ 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความแรงของแสง แต่หากเผลอชาร์จนานเกินไป ควรรีบนำไปทำความสะอาดพลังงานโดยการล้างน้ำผ่านทันที ไม่ควรใช้วิธีวางบนเกลือ
การทำน้ำมนต์จากพลังงานของหิน
เราสามารถใช้หินเพื่อชาร์จพลังงานให้น้ำเปล่าธรรมดากลายเป็นน้ำมนต์ได้ แต่ไม่ควรเอาหิน เช่น Quartz ใส่เข้าไปในขวดน้ำโดยตรง เพราะแร่ธาตุจากหินจะออกมาอยู่ในน้ำแล้วเป็นอันตรายต่อเราหากดื่มเข้าไป
มีหินชนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถใส่ไปในน้ำได้โดยตรงคือ Elite Shungite เนื่องจากเป็นหินที่เอาไว้สำหรับทำความสะอาดน้ำ หินนอกเหนือจากนี้จะต้องชาร์จแบบไม่ให้โดนน้ำโดยตรง
การดูแลและจัดเก็บหิน
การจัดเก็บหินที่ดี ควรเก็บหินไว้ในที่ๆ มองเห็นเป็นประจำและอากาศถ่ายเท เช่น โต๊ะทำงาน สามารถวางหินที่คล้ายกันไว้ด้วยกันหรือเรียงไว้ตามการใช้งานที่คล้ายกัน เช่น นำหินที่มีพลังเกี่ยวกับการคิดมาไว้ด้วยกัน หากไม่แน่ใจ สามารถใช้วิธีเรียงหินตามสีที่คล้ายกันได้ เช่น นำหินสีชมพูมาไว้รวมกัน
แม้จะเก็บหินไว้ดีเท่าไหร่แต่ก็มีโอกาสที่หินสามารถเปลี่ยนสีได้ โดยหินธรรมชาติแท้ๆ จะเปลี่ยนสีแปรผันตามอุณหภูมิ ความชื้น และแสง เช่น หิน Apophyllite Pyramid บางครั้งเราจะเห็นว่าสีแต่ละชั้นไม่เหมือนกันซึ่งเกิดจากความชื้นในอากาศ หรือ หิน Vivianite ที่มีสีเขียวโปร่งแสงอันเกิดจาก Iron Oxide หากถูกแสงและความชื้นมากๆ จะกลายเป็นสีดำทึบ
การดูแลจัดเก็บที่ดีนอกจากสามารถรักษาคุณภาพของหินและพลังงานได้แล้ว ยังช่วยให้ความปลอดภัยกับหินของเราจากผู้อื่นอีกด้วย เนื่องจากหินเป็นของเรา การที่จะให้คนอื่นมาจับอาจไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนจับ เช่น คนที่จับเพราะสงสัยว่าหินนี้คืออะไร กรณีนี้ไม่เป็นอะไร
แต่ถ้าเป็นกรณีที่เอาไปถือเล่น จะต้องนำมาทำความสะอาดพลังงานทันทีก่อนนำมาใช้งาน เพราะหินได้รับพลังงานจากคนที่มาจับ แต่บางกรณี ต่อให้ทำความสะอาดแล้ว พลังงานของคนที่มาจับก็ยังคงอยู่ ดังนั้นขอแนะนำว่าไม่ควรเสี่ยงให้คนอื่นมาจับหินของเราจะดีที่สุด รวมถึงคนในครอบครัวด้วย